แชร์

1,000 ปีของผลไม้อบแห้ง: จากภูมิปัญญาชาวบ้านถึงตลาดโลก

อัพเดทล่าสุด: 10 ก.ย. 2025
433 ผู้เข้าชม
1,000 ปีของผลไม้อบแห้ง: จากภูมิปัญญาชาวบ้านถึงตลาดโลก
 
เคยกินมะม่วงอบแห้ง แล้วลองจินตนาการกันไหมคะ... ว่ากว่าจะมาเป็นของว่างอร่อยๆ บนชั้นร้าน มันต้องผ่านการเดินทางอะไรมาบ้าง บอกเลยว่า... นี่ไม่ใช่เรื่องของโรงงานทันสมัยเพียงอย่างเดียว แต่คือ "เรื่องราวพันปี" ของภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่กลายเป็นธุรกิจผลไม้อบแห้งระดับโลกอย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ เรื่องราวจะสนุกแค่ไหน มาดูไปพร้อมกันค่ะ


ก่อนจะเริ่มเล่า เราขอชวนคุณย้อนเวลาไปกับเรานิดนึงนะคะ ครั้งหนึ่งในยุคอาณาจักรเมโสโปเตเมีย มีคนกลุ่มหนึ่งคิดขึ้นว่า "ถ้าเราเอาผลไม้มาตากแดดให้แห้ง มันจะเก็บไว้ได้นาน ใช้ได้ตอนเดินทาง..." และนั่นคือจุดเริ่มต้นของระบบ อนุรักษ์อาหารด้วยวิธีของธรรมชาติ ที่กลายมาเป็นธุรกิจทั่วโลกในตอนนี้ มาดูกันดีกว่าว่าแต่ละยุคมีเรื่องราวอย่างไร
 

1. จุดเริ่มต้นในเมโสโปเตเมีย (ประมาณ 1700 ปีก่อนคริสตกาล)

ในแถบเมโสโปเตเมีย (ปัจจุบันคืออิรักและซีเรียบางส่วน) เป็นยุคสมัยที่ยังไม่มีตู้เย็นหรือระบบเก็บรักษาอาหารแบบทันสมัย สิ่งที่พวกเขามีคือ แสงแดดแรงจัด และ ความจำเป็นที่จะต้องเก็บอาหารให้ได้นานที่สุด โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเดินทางไกลหรือทำสงคราม

มีหลักฐานบันทึกบนแผ่นดินดิบ (clay tablets) ว่าคนสมัยนั้นนำ ลูกอินทผลัม ลูกมะเดื่อ และองุ่น มาตากกลางแดดจนแห้ง เพื่อใช้เป็นอาหารพกพา ไม่เน่าเสียง่าย และยังคงพลังงานสูงเหมาะสำหรับการเดินทางในทะเลทราย นี่จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ ผลไม้อบแห้ง แบบดั้งเดิม ที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยภูมิปัญญา

จะเห็นว่ากระบวนการนี้คือ เทคโนโลยีเก็บอาหาร ที่เกิดขึ้นจากความจำเป็นล้วนๆ
 
 
2. วิถีท้องถิ่น: Asia และตะวันออกกลาง

จากเมโสโปเตเมีย ความรู้เรื่องการทำผลไม้อบแห้งแพร่กระจายสู่ดินแดนอื่นๆ โดยเฉพาะเปอร์เซีย (อิหร่านปัจจุบัน) ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการค้าขาย พวกเขานำ ผลไม้อบแห้งและถั่ว ไปแลกเปลี่ยนผ่าน เส้นทางสายไหม (Silk Road) สู่เอเชียกลางและยุโรป กลายเป็นสินค้ามูลค่าสูง เพราะให้พลังงานมากและเก็บไว้ได้นาน ในเอเชียตะวันออกก็ไม่แพ้กัน เช่น:

- จีน: มีการทำ 柿餅 (Shibing) จากลูกพลับตากแห้ง ใช้เป็นทั้งของหวานและของไหว้
- ญี่ปุ่น: Hoshigaki หรือลูกพลับตากเชือกแขวนกลางลมหนาว ถือเป็นขนมประจำฤดูใบไม้ร่วง
- เกาหลี: Gotgam หรือพลับแห้ง มักใช้ทำขนมดั้งเดิม เช่น ข้าวต้มหวาน

จะเห็นว่าในแต่ละท้องถิ่น แม้จะใช้เทคนิคง่ายๆ อย่างการตากลมและแสงแดด แต่ก็ปรับเข้ากับสภาพอากาศ วัฒนธรรม และความเชื่อของชุมชนได้อย่างกลมกลืน
 
 
3. โรมันและยุคกลาง: ของอร่อยที่ต้องมีในบ้าน

ในยุคโรมัน ผลไม้อบแห้งไม่ได้เป็นแค่ อาหารเก็บไว้เดินทาง อีกต่อไป แต่ถูกยกระดับเป็น ของอร่อยและของหรูหรา ในงานเลี้ยงราชสำนัก ไม่ว่าจะเป็น ลูกมะเดื่อ ลูกเกด อินทผลัม มักถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารร่วมกับไวน์และเนื้อสัตว์ ถือเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง

ต่อมาในยุคกลางของยุโรป ผลไม้อบแห้งยังคงเป็นวัตถุดิบสำคัญ ใช้ทำขนมปัง ผลไม้กวน หรือขนมหวานในโบสถ์ แต่เพราะเป็นของหายาก ทำให้ครัวเรือนมักมี still houses หรือห้องรมควัน/ห้องตากไฟ เพื่อเก็บรักษาผลไม้ไว้กินในฤดูหนาว

จุดนี้ทำให้ผลไม้อบแห้งกลายเป็น วัฒนธรรมการกิน ไม่ใช่เพียงการเอาตัวรอดอีกต่อไป
 
 
4. กลายเป็นธุรกิจในยุคสมัยใหม่

เข้าสู่คริสต์ศตวรรษที่ 1920 เมื่อการอพยพและการเพาะปลูกขยายตัว ชาวสเปนนำพันธุ์องุ่นเข้ามาในแคลิฟอร์เนีย และพบว่าสภาพอากาศเหมาะกับการผลิตลูกเกดอย่างมาก จึงเกิดอุตสาหกรรมลูกเกดที่เติบโตจนกลายเป็นสินค้าส่งออกระดับโลก

ต่อมาในศตวรรษที่ 20 ประเทศตุรกี อิหร่าน และสหรัฐอเมริกา ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำการผลิตผลไม้อบแห้ง ทั้งลูกเกด แอปริคอต และอินทผลัม ปัจจุบัน ตุรกี ครองตำแหน่งผู้ส่งออกผลไม้อบแห้งอันดับต้นๆ ของโลก มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี

นี่คือช่วงเวลาที่ผลไม้อบแห้งเปลี่ยนจาก ภูมิปัญญาชาวบ้าน สู่ อุตสาหกรรมสากล อย่างแท้จริง
 
 
5. เทคโนโลยีทันสมัยและเทรนด์ปัจจุบัน

เมื่อโลกเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 การอบแห้งไม่หยุดอยู่แค่ การตากแดด อีกแล้ว แต่ถูกพัฒนาเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น

- Dehydrator (เครื่องอบลมร้อน) ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้แม่นยำ
- Freeze-drying (ฟรีซดราย) แช่แข็งแล้วดูดไอน้ำออก ทำให้ได้ผลไม้ที่ยังคงสี รสชาติ และสารอาหารใกล้เคียงสด
- REV (Radiant Energy Vacuum) เทคโนโลยีใหม่ที่ใช้พลังงานไมโครเวฟในสภาวะสุญญากาศ ทำให้การอบเร็วขึ้น คุณภาพสูงขึ้น และใช้พลังงานน้อยลง

ปัจจุบันผลไม้อบแห้งไม่ได้ถูกมองว่าเป็น อาหารสำรอง อีกแล้ว แต่เป็น Healthy Snack และ Superfood ที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพทั่วโลก เห็นได้จากการวางขายในซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านกาแฟ หรือแม้แต่ในเมนูของเชฟระดับโลก

จากอาหารเดินทางสู่ขนมเพื่อสุขภาพ ผลไม้อบแห้งจึงยังคงเล่าเรื่องใหม่ๆ ให้โลกเสมอ
 
 
ทุกครั้งที่พวกเราหยิบผลไม้อบแห้งขึ้นมาเคี้ยว เบื้องหลังคือเรื่องราวการเดินทางของภูมิปัญญาที่ไม่ธรรมดานะคะ จากคนเมโสโปเตเมีย ไม่มีตู้เย็น ต้องใช้แสงแดดรักษาอาหาร จนพัฒนาเป็นสินค้าระดับโลก การส่งผ่านวัฒนธรรมท้องถิ่น กลายเป็นธุรกิจ หัวใจอยู่ที่ "อนุรักษ์ และพัฒนา"

เรื่องราวของผลไม้อบแห้งสอนว่า... ของที่เราคิดว่า "ธรรมดา" นั้น มีเรื่องราว กลายเป็นคุณค่า และยังเดินไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา
 
 
ติดตาม Blog สาระความรู้ครั้งต่อไปของเราได้ที่

Website : https://www.nanafruit.com/th
Facebook : https://www.facebook.com/NanaFruitOfficial
Instagram : https://www.instagram.com/nanafruitofficial?igsh=MWU2a2hva3VtY3hoNg==

บทความที่เกี่ยวข้อง
ส้มเลือด
สาร Anthocyanin มันเป็นสารเคมีตามธรรมชาติ มีอยู่ในผลไม้และผักสีแดงม่วงหลายชนิด และในส้มเลือด มันเป็นสารที่ทำให้สีแดงนั้นปรากฏและเป็นจุดขายสำคัญ จะว่าไปแล้ว ถ้าคุณเข้าใจสารตัวนี้ คุณก็เข้าใจ “คุณภาพ” ของส้มเลือดมากขึ้น เป็นตัวช่วยให้เลือกชม เลือกซื้อ หรือแม้แต่ออกแบบผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปได้อย่างส้มเลือดอบแห้งก็สร้างมูลค่าได้เพิ่มขึ้นเลยค่ะ
9 ต.ค. 2025
finefoodfair
Speciality & Fine Food Fair 2025 ที่ Olympia, ลอนดอน บอกเลยว่า ถ้าคุณเป็น Distributor หรือ Trader สนามที่เต็มไปด้วยไอเดียใหม่ สินค้าแปลกตา และโอกาสธุรกิจที่อาจเปลี่ยนกรอบความคิดไปเลยทีเดียว งานนี้ไม่ได้มีแค่ขนมอาร์ติซานหรือครีมบัทเทอรี่อาหาร Fine Food เท่านั้น แต่ยังมีเวทีใหญ่อย่าง Pitch Live, Food for Thought, Village Square และโซน Start-Up ที่แจกจ่ายแรงบันดาลใจ +การเชื่อมต่อแบบ “จับมือได้จริง” เยอะมากค่ะ
24 ก.ย. 2025
ส้มเลือด
Blood Orange ไม่ใช่ของใหม่ซะทีเดียว มันคือสายพันธุ์หนึ่งของส้มที่ปลูกมานานแล้วในยุโรป โดยเฉพาะอิตาลีและสเปน แต่สิ่งที่ทำให้มัน “กลับมาฮิต” ในปี 2025 คือ 3 ปัจจัยหลัก: กระแสสุขภาพ, ความสวยงามสำหรับ Social Media และการแปรรูปเป็นสินค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่เครื่องดื่ม Cold Brew, Smoothie, Soda, ไปจนถึง Dried Fruit และ Snack Bar
3 ก.ย. 2025
This website uses cookies to enhance performance and improve your experience while using the site. นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ